ไปยังหน้า : |
กลุ่มรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ที่เรียกว่า กัมมชกลาป ของสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในกามภูมิ ๑๑ และรูปภูมิ ๑๖ นั้น เมื่อจำแนกโดยกำเนิด ๔ แล้ว ได้ดังนี้
๑. สังเสทชะกำเนิด และ โอปปาติกะกำเนิด ที่เกิดในกามภูมิ ในปฏิสนธิกาล กัมมชกลาปย่อมเกิดได้ ๗ กลาป คือ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป ฆานทสกกลาป ชิวหาทสกกลาป กายทสกกลาป วัตถุทสกกลาป ภาวทสกกลาป
แต่เมื่อว่าโดยโอมกนัย คือ นัยที่มีกัมมชกลาปเกิดได้อย่างน้อยที่สุด เพราะมีกลาปที่ขาดตกบกพร่องได้มีดังนี้
สังเสทชะกำเนิด กัมมชกลาปย่อมขาดตกบกพร่องได้ ๔ กลาป คือ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป ฆานทสกกลาป และภาวทสกกลาป
ทุคติโอปปาติกะกำเนิด กัมมชกลาปย่อมขาดตกบกพร่องได้ ๓ กลาป คือ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป และภาวทสกกลาป
สุคติโอปปาติกะกำเนิด ที่เป็นมนุษย์ [สมัยต้นกัปป์] กัมมชกลาปย่อมขาดตกบกพร่องได้ ๑ กลาป คือ ภาวทสกกลาป
ส่วนพวกโอปปาติกะกำเนิด ที่เป็นเทวดาทั้งหลาย ในปฏิสนธิกาลนั้น กัมมชกลาปย่อมเกิดได้ครบสมบูรณ์ โดยไม่มีขาดตกบกพร่องเลย
สำหรับในปวัตติกาลนั้น สังเสทชะกำเนิดและโอปปาติกะกำเนิดที่เกิดอยู่ในกามภูมินั้น มีกัมมชกลาปเกิดได้ ๑ กลาป คือ ชีวิตนวกกลาป เกิดได้ตั้งแต่ฐีติขณะของปฏิสนธิกาลเป็นต้นไป
๒. โอปปาติกะกำเนิดที่เป็นรูปพรหมทั้งหลาย [เว้นอสัญญสัตตพรหม] ในปฏิสนธิกาลนั้น กัมมชกลาปเกิดได้ ๔ กลาป คือ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป วัตถุทสกกลาป และชีวิตนวกกลาป ส่วนในปวัตติกาลนั้น ไม่มีกัมมชกลาปเกิดขึ้นเพิ่มอีกเลย คงมีแต่กัมมชกลาป ๔ ประเภทนี้เท่านั้นเกิดขึ้นเรื่อยไป
๓. โอปปาติกะกำเนิดที่เป็นอสัญญสัตตพรหม ทั้งในปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล กัมมชกลาปย่อมเกิดได้เพียงกลาปเดียวเท่านั้น คือ ชีวิตนวกกลาป
๔. คัพภเสยยกะกำเนิด กัมมชกลาปย่อมเกิดได้ดังต่อไปนี้
ในปฏิสนธิกาล ว่าโดยอุกกัฏฐนัย คือ นัยที่เกิดได้มากที่สุด กัมมชกลาปย่อมเกิดได้อย่างมากที่สุด ๓ กลาป ได้แก่ กายทสกกลาป ภาวทสกกลาป และวัตถุทสกกลาป แต่เมื่อว่าโดยโอมกนัย คือ นัยที่เกิดได้น้อยที่สุด กัมมชกลาปย่อมเกิดได้ ๒ กลาป ได้แก่ กายทสกกลาป และวัตถุทสกกลาป ส่วนภาวทสกกลาปนั้นอาจขาดตกบกพร่องได้ เช่น ผู้ที่เกิดมาโดยไม่มีเพศ
ในปวัตติกาล ว่าโดยอุกกัฏฐนัย คือ นัยที่เกิดได้มากที่สุด กัมมชกลาปย่อมเกิดได้อีกอย่างมากที่สุด ๕ กลาป ได้แก่ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป ฆานทสกกลาป ชิวหาทสกกลาป และชีวิตนวกกลาป แต่เมื่อว่าโดยโอมกนัย คือ นัยที่เกิดได้น้อยที่สุด ในจำนวนรูปกลาปทั้ง ๕ นี้ อาจมีกลาปที่ขาดตกบกพร่องได้ ๓ กลาป ได้แก่ จักขุทสกกลาป โสตทสกกลาป และฆานทสกกลาป เช่น บางคนตาบอด บางคนหูหนวก บางคนไม่มีประสาทจมูก หรือบางคนอาจขาดตกบกพร่องไป ทั้ง ๒ หรือทั้ง ๓ อย่าง
สรุปความว่า กัมมชกลาปที่เกิดกับสัตว์ทั้งหลายในกามภูมิ ๑๑ ทั้งในปฏิสนธิกาลและปวัตติกาลนั้น ในบุคคลหนึ่ง ๆ ย่อมมีได้อย่างมากที่สุด ๘ กลาป ตามสมควรแก่บุคคลนั้น ๆ แต่อาจมีขาดตกบกพร่องได้ ๔ กลาป ดังกล่าวแล้ว ส่วนรูปกลาปที่เกิดในรูปภูมิได้นั้น ย่อมไม่มีขาดตกบกพร่องเลย หมายความว่า ย่อมเกิดได้ครบบริบูรณ์ กล่าวคือ ในรูปภูมิ ๑๕ [เว้นอสัญญสัตตภูมิ] นั้น ย่อมเกิดได้ครบทั้ง ๔ กลาป ส่วนในอสัญญสัตตภูมิย่อมเกิดได้เพียง ๑ กลาปเท่านั้น ทั้งปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล