| |
การยิ้มและการหัวเราะ ๖ ประการ   |  

การยิ้มและการหัวเราะนั้น เป็นจิตตชรูปที่เกิดขึ้นโดยอาศัยกามชวนจิตที่เกิดพร้อมด้วยโสมนัสสเวทนา ๑๓ ดวงเท่านั้น ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ หสิตุปปาทจิต ๑ มหากุศลโสมนัส ๔ และมหากิริยาโสมนัส ๔ ซึ่งมีอาการเป็นไป ๖ ประเภท คือ

๑. สิตะ การยิ้มอยู่แต่ในหน้า ไม่เห็นไรฟัน [รัศมีแห่งฟันไม่ปรากฏออกมา] เป็นการยิ้มของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น และเป็นการยิ้มด้วยกิริยาจิต ๕ ดวง ได้แก่ หสิตุปปาทจิต ๑ และมหากิริยาโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่งเท่านั้น

๒. หสิตะ การยิ้มพอเห็นไรฟัน [มีรัศมีแห่งฟันปรากฏออกมา] เป็นการยิ้มที่เกิดจากจิตของพระอรหันต์ หรือ พระอนาคามี พระสกิทาคามี พระโสดาบัน และปุถุชน แต่การยิ้มชนิดนี้ นอกจากพระอรหันต์แล้ว ย่อมเป็นการยิ้มที่ประกอบด้วยเหตุอันเป็นบุญ หรือเหตุอันเป็นบาปเสมอ ซึ่งเป็นการยิ้มด้วยจิต ๑๓ ดวง ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ หสิตุปปาทจิต ๑ มหากุศลโสมนัส ๔ และมหากิริยาโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง ตามสมควรแก่บุคคลนั้น ๆ

๓. วิหสิตะ การหัวเราะมีเสียงเบา ๆ เป็นการหัวเราะที่เกิดจากจิตของปุถุชน และพระเสกขบุคคล ๓ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ซึ่งเป็นการหัวเราะที่ประกอบด้วยเหตุอันเป็นบุญหรือเป็นบาปเสมอ เป็นการหัวเราะด้วยจิต ๘ ดวง ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ มหากุศลโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง ตามสมควรแก่บุคคลนั้น ๆ

๔. อติหสิตะ การหัวเราะมีเสียงดังมาก เป็นการหัวเราะที่เกิดจากจิตของปุถุชน พระโสดาบัน และพระสกิทาคามี ซึ่งเป็นการหัวเราะที่ประกอบด้วยเหตุอันเป็นบุญหรือเป็นบาปเสมอ เป็นการหัวเราะด้วยจิต ๘ ดวง ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ มหากุศลโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง ตามสมควรแก่บุคคลนั้น ๆ

๕. อปหสิตะ การหัวเราะจนไหวโยกไปทั้งกาย เป็นการหัวเราะที่เกิดจากจิตของปุถุชน ซึ่งประกอบด้วยเหตุอันเป็นบุญหรือเป็นบาปเสมอ เป็นการหัวเราะด้วยจิต ๘ ดวง ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ มหากุศลโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง ตามสมควรแก่บุคคลนั้น ๆ

๖. อุปหสิตะ การหัวเราะจนน้ำตาไหล เป็นการหัวเราะที่เกิดจากจิตของปุถุชนเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยเหตุอันเป็นบุญหรือเป็นบาปเสมอ เป็นการหัวเราะด้วยจิต ๘ ดวง ได้แก่ โลภโสมนัส ๔ มหากุศลโสมนัส ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง เท่านั้น

จึงสรุปได้ว่า การยิ้มหรือการหัวเราะนั้น ย่อมเกิดจากจิตที่เกิดพร้อมด้วยโสมนัสสเวทนาเท่านั้น จะเกิดพร้อมด้วยโทมนัสสเวทนา หรืออุเบกขาเวทนาไม่ได้ เพราะอาการยิ้มหรืออาการหัวเราะนั้น ย่อมเป็นอาการแห่งความดีใจหรือความภาคภูมิใจ ถึงแม้บุคคลนั้น จะยิ้มแบบแห้ง ๆ ไม่สดใสพร้อมกับอาการซึมเศร้า อันเนื่องมาจากมีเหตุปัจจัยอื่นมาบั่นทอนก็ดี หรือแสดงอาการหัวเราะและอาการร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกันก็ตาม แต่สภาพของจิตที่เป็นเหตุให้เกิดอาการเหล่านั้น ย่อมเป็นสภาพจิตที่ต่างกัน คือ สภาพจิตที่ทำให้เกิดอาการยิ้มหรืออาการหัวเราะนั้น ต้องเป็นจิตที่เกิดพร้อมด้วยโสมนัสสเวทนาเท่านั้น ส่วนสภาพจิตที่ทำให้เกิดอาการเฉย ๆต้องเป็นจิตที่เกิดพร้อมด้วยอุเบกขาเวทนาเท่านั้น และสภาพจิตที่ทำให้เกิดอาการร้องไห้หรืออาการซึมเศร้านั้น ต้องเป็นจิตที่เกิดพร้อมด้วยโทมนัสสเวทนาเท่านั้น แต่เพราะสภาพของจิตนั้น เป็นธรรมชาติที่มีอาการเกิดดับอย่างรวดเร็ว ฉะนั้น จึงทำให้เกิดจิตตชรูปที่เป็นอาการยิ้มแย้มแบบแห้ง ๆ พร้อมด้วยความเฉยเมย หรือทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกันได้ แต่ว่า เป็นจิตคนละขณะกันอยู่นั่นเอง


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |