| |
คุณสมบัติพิเศษของโผฏฐัพพรูป   |  

อาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี อดีตประธานมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์รุ.๒๓๓ ได้แสดงคุณลักษณะพิเศษของโผฏฐัพพารมณ์ไว้ดังต่อไปนี้

โผฏฐัพพารมณ์มีคุณสมบัติพิเศษโดยเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกันกับปรมัตถธรรมเหล่าอื่น ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ มี ๔ อย่าง ได้แก่ ลักษณะ เป็นต้น เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า ลักขณาทิจตุกกะ ได้แก่

๑. กายปฏิหนนลกฺขโณ มีการกระทบกับกายปสาท เป็นลักษณะ

๒. กายวิญฺาณสฺส วิสยภาวรโส มีการเป็นอารมณ์ให้แก่กายวิญญาณ เป็นกิจ

๓. ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺาโน มีการรู้กระทบสัมผัสของกายวิญญาณ เป็นผลปรากฏ

๔. จตุมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปทั้ง ๔ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด

คำอธิบายเพิ่มเติมของผู้เขียน :

จากวิเสสลักษณะหรือลักขณาทิจตุกกะของรสรูปหรือรสารมณ์ที่ท่านแสดงไว้ข้างต้นนั้น ผู้เขียนขออธิบายขยายความหมายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้

๑. กายปฏิหนนลกฺขโณ มีการกระทบกับกายปสาท เป็นลักษณะ หมายความว่า โผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์นี้ ย่อมมีสภาวะลักษณะโดยเฉพาะของตน อันเป็นคุณสมบัติพิเศษประจำตัวอยู่เสมอ กล่าวคือ สัมผัสต่าง ๆ อันมีธาตุดินที่แข็งนั้นเป็นฐานรองรับ ย่อมสามารถกระทบกับกายปสาทรูปได้เท่านั้น ย่อมไม่สามารถกระทบกับปสาทรูปอย่างอื่น มีจักขุปสาทรูปเป็นต้นได้เลย นี้จัดเป็นคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอันเป็นสภาวลักษณะของโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์คือรสต่าง ๆ

๒. กายวิญฺาณสฺส วิสยภาวรโส มีการเป็นอารมณ์ให้แก่กายวิญญาณ เป็นกิจหมายความว่า หน้าที่อันเป็นคุณสมบัติ ที่เรียกว่า สัมปัตติรส ของโผฏฐัพพรูปคือโผฏฐัพพารมณ์นั้น ก็คือ สามารถปรากฏแก่กายวิญญาณจิตและกายทวาริกจิตอื่นทั้ง ๔๖ ดวงตามสมควร ได้แก่ กามาวจรจิต ๔๖ ดวง [เว้นจักขุวิญญาณจิต ๒ โสตวิญญาณจิต ๒ ฆานวิญญาณจิต ๒ ชิวหาวิญญาณจิต ๒] โดยอาศัยกายทวาร ซึ่งหน้าที่นี้ เป็นหน้าที่อันเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมากับโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์โดยเฉพาะ ไม่ใช่หน้าที่ที่เป็นการขวนขวายเพื่อจะทำ ที่เรียกว่า กิจจรส แต่ประการใด เพราะโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์นั้น เป็นรูปธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นอัพยากตะ คือ สภาพธรรมที่ไม่มีความขวนขวายเพื่อจะกระทำให้เกิดขึ้น และมีสภาพเป็นอจิตตกะ คือ ไม่มีเจตนาที่จะจัดแจงหรือบงการบังคับบัญชาให้สิ่งใดเกิดขึ้นหรือเป็นไปแต่ประการใด กล่าวคือ โผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์เอง ก็ไม่มีความรู้สึกว่าตนเองกระทบกับกายปสาทหรือมีความต้องการเพื่อจะกระทบกับกายปสาทแต่ประการใด และกายปสาทเองก็ไม่มีความรู้สึกว่า ตนเองถูกโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์กระทบเข้าแล้ว หรือไม่มีความต้องการเพื่อจะให้โผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์มากระทบกับตนเช่นเดียวกัน การกระทบกันระหว่างกายปสาทกับโผฏฐัพพารมณ์นี้ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น กล่าวคือ เมื่อกายปสาทรูปกับโผฏฐัพพารมณ์อยู่ในสภาพที่สามารถกระทบกันได้ ย่อมกระทบกัน แต่ถ้าทั้ง ๒ อย่างนั้นอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถกระทบกัน ย่อมกระทบกันไม่ได้ การกระทบกันนี้ล้วนแต่เป็นไปตามสภาพแห่งอนัตตา คือ เป็นไปตามเหตุปัจจัยล้วน ๆ โดยไม่มีใครมาบงการบังคับบัญชาให้เป็นไปแต่ประการใดทั้งสิ้น

๓. ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฺปฏฺาโน มีการรู้โผฏฐัพพารมณ์ของกายวิญญาณหรือมีการเป็นอารมณ์แก่กายวิญญาณจิตนั่นเอง เป็นอาการปรากฏ หมายความว่า สภาพแห่งโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์นี้ ย่อมปรากฏแก่กายวิญญาณจิต ๒ หรือกายทวาริกจิต ๔๖ ดวง ได้แก่ กามาวจรจิต ๔๖ ดวง [เว้นจักขุวิญญาณจิต ๒ โสตวิญญาณจิต ๒ ฆานวิญญาณจิต ๒ ชิวหาวิญญาณจิต ๒] ทางกายทวารเท่านั้น จะปรากฏแก่วิญญาณจิตอื่นหรือทวาริกจิตเหล่าอื่น และทางทวารอื่น ที่นอกจากนี้หาได้ไม่ นี้เป็นสภาวลักษณะพิเศษเฉพาะตนที่ปรากฏเป็นผลสำเร็จออกมาของโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์ ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติหรือธรรมดา อันเป็นอนัตตาของสภาวธรรมทั้งหลายเท่านั้น คือ ไม่มีบุคคลใดเป็นผู้จัดแจงหรือบงการบังคับบัญชาให้เป็นไปแต่ประการใด เป็นไปตามเหตุปัจจัยล้วน ๆ

๔. จตุมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปทั้ง ๔ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด หมายความว่า บรรดารูปธรรมทั้งหลาย จะเกิดขึ้นโดยลำพังตนเองอย่างเดียวนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ จะต้องเกิดร่วมกันเป็นหมวดหมู่หรือกอง ที่เรียกว่า รูปกลาป ทั้งสิ้น และบรรดามหาภูตรูปทั้งหลาย ย่อมปรากฏเกิดขึ้นโดยลำพังตนเองไม่ได้ จะต้องมีมหาภูตรูปอีก ๓ อย่างประกอบร่วมด้วยจึงจะปรากฏเกิดขึ้นได้ โผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์นี้ ก็ได้แก่ มหาภูตรูป ๓ กล่าวคือ ปถวีธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ซึ่งรวมสภาวะเข้าด้วยกันปรากฏเป็นโผฏฐัพพารมณ์ คือ สภาพสัมผัสที่ปรากฏเป็นอาการแข็ง เย็น ตึง หรือร้อน อ่อน หย่อน ตามสภาพของโผฏฐัพพารมณ์ที่ปรากฏเกิดขึ้นในขณะนั้น เพราะฉะนั้น โผฏฐัพพรูปนี้จะปรากฏเกิดขึ้นได้ จึงต้องมีมหาภูตรูปทั้ง ๔ เกิดขึ้นพร้อมด้วยกันเสมอ จะเกิดขึ้นตามลำพังอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะโผฏฐัพพรูปนี้ก็คือ ธาตุดินที่มีสภาพแข็งหรืออ่อน ธาตุไฟที่มีสภาพร้อนหรือเย็น ธาตุลมที่มีสภาพหย่อนหรือตึง และจะต้องมีธาตุน้ำเป็นเครื่องยึดเกาะให้ติดกัน ไม่ให้กระจัดกระจายออกจากกันนั่นเอง อนึ่ง ในบรรดากลาปรูปทั้งหมดที่เกิดร่วมด้วยนั้น ย่อมมีมหาภูตรูปทั้ง ๔ เป็นองค์ประกอบร่วมด้วยทุกกลาปไป เพราะในกลาปนั้นย่อมมีธาตุดินที่มีสภาพอ่อนหรือแข็ง มีธาตุน้ำเป็นตัวเกาะกุมรูปทั้งหลายไว้ในกลาปเดียวกัน มีธาตุไฟเป็นไออุ่นหรือความเย็น มีธาตุลมทำให้เกิดความเบาหรือเคร่งตึง มีวัณณรูปคือสี มีคันธรูปคือกลิ่น มีรสรูปคือรสต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลุ่มอวินิพโภครูป ๘ อันเป็นองค์ประกอบหลักของกลุ่มรูปทุกกลาป เพราะฉะนั้น มหาภูตรูปทั้ง ๔ จึงเป็นเหตุอันใกล้ที่สุดที่จะให้โผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์นี้ปรากฏเกิดขึ้นได้ กล่าวคือ เป็นฐานรองรับการเกิดขึ้นของโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์ดังกล่าวแล้วนั่นเอง

เมื่อสรุปความแล้ว คุณสมบัติพิเศษของโผฏฐัพพรูปหรือโผฏฐัพพารมณ์คือสัมผัสต่าง ๆ ที่ปรากฏทางกายทวาร ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะหรือลักขณาทิจตุกกะนั้น ได้แก่ ย่อมมีการกระทบกับกายปสาท เป็นลักษณะ มีการเป็นอารมณ์ให้กายวิญญาณ เป็นกิจ มีความเป็นอารมณ์ให้แก่กายวิญญาณนั่นเอง เป็นอาการปรากฏ และมีมหาภูตรูปทั้ง ๔ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด ซึ่งความเป็นไปเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นไปตามเหตุปัจจัยของสภาวธรรมที่เป็นรูปธรรม อันมีสภาพเป็นอัพยากตะ คือ ไม่มีความขวนขวายด้วยตนเอง มีสภาพเป็นอจิตตกะ คือ ไม่มีเจตนาในการจัดแจงหรือบงการบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่ตนปรารถนา และมีสภาพเป็นสังขตธรรม คือ เป็นไปตามที่เหตุปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อมีเหตุปัจจัย ย่อมปรากฏเกิดขึ้น เมื่อเหตุปัจจัยเปลี่ยนแปลง ย่อมเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเหตุปัจจัยดับ ย่อมดับไปตามเหตุปัจจัย อันเป็นสภาพแห่งอนัตตาล้วน ๆ ไม่มีตัวตนหรือบุคคลใดมาเป็นผู้บงการทั้งสิ้น

โผฏฐัพพารมณ์ทั้ง ๓ กล่าวคือ ปถวีโผฏฐัพพารมณ์ เตโชโผฏฐัพพารมณ์ และวาโยโผฏฐัพพารมณ์ ย่อมมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตนแต่ละอย่างต่างหากอีก ดังที่ได้แสดงไว้แล้วในเรื่องปถวีธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ นั่นเอง


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |