| |
กายวิญญาณจิต ๒   |  

กายวิญญาณจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นโดยความเป็นผลของกุศลและอกุศล เพื่อรับรู้โผฏฐัพพารมณ์ หมายความว่า ถ้าโผฏฐัพพารมณ์คือสัมผัสต่าง ๆ นั้น เป็นอิฏฐารมณ์คืออารมณ์ที่น่าปรารถนาปรากฏขึ้น กายวิญญาณจิตที่เกิดขึ้นรับรู้ ก็เป็นกุศลวิบาก ถ้าโผฏฐัพพารมณ์คือสัมผัสต่าง ๆ นั้น เป็นอนิฏฐารมณ์คืออารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาปรากฏขึ้น กายวิญญาณจิตที่เกิดขึ้นรับรู้ ก็เป็นอกุศลวิปากจิต กายวิญญาณจิตนี้ มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตน ๔ ประการ ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ หรือ ลักขณาทิจตุกกะ คือ

๑. กายะนิสสิตะโผฏฐัพพะวิชานะนะลักขะณัง มีการรู้โผฏฐัพพารมณ์โดยอาศัยกายวัตถุ เป็นลักษณะ หมายความว่า กายวิญญาณจิตทั้ง ๒ ดวงนี้ ไม่สามารถอาศัยวัตถุรูปอย่างอื่นเกิดได้เลย คือ จะอาศัยจักขุวัตถุ โสตวัตถุ ฆานวัตถุ ชิวหาวัตถุ หรือหทยวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดนั้นไม่ได้เลย ย่อมอาศัยเกิดได้เฉพาะกายวัตถุ คือ กายปสาทรูป อย่างเดียวเท่านั้น

๒. โผฏฐัพพะมัตตารัมมะณะระสัง มีอารมณ์เฉพาะโผฏฐัพพารมณ์เท่านั้น เป็นกิจ หมายความว่า กายวิญญาณจิต ๒ ดวงนี้ ไม่สามารถรับรู้อารมณ์อย่างอื่นได้ คือ จะไปรับรู้รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ หรือธัมมารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นไม่ได้ ย่อมรับได้เฉพาะโผฏฐัพพารมณ์คือสัมผัสต่าง ๆ เท่านั้น

๓. โผฏฐัพพาภิมุขะภาวะปัจจุปปัฏฐานัง มีการมุ่งตรงเฉพาะต่อโผฏฐัพพารมณ์เท่านั้น เป็นอาการปรากฏ หมายความว่า กายวิญญาณจิต ๒ ดวงนี้ ดวงใดดวงหนึ่ง เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมุ่งหน้าในการรับโผฏฐัพพารมณ์เท่านั้น จะไม่มุ่งหน้าไปหารับอารมณ์อื่นที่นอกจากโผฏฐัพพารมณ์นี้เลย คือ เมื่อโผฏฐัพารมณ์ที่เป็นอนิฏฐารมณ์อันเป็นผลของอกุศลกรรมปรากฏเกิดขึ้นทางกายทวารแล้ว กายวิญญาณจิตที่เป็นอกุศลวิบากก็จะเกิดขึ้นและมุ่งหน้าต่อโผฏฐัพพารมณ์อันไม่น่าปรารถนานั้น เมื่อโผฏฐัพพารมณ์ที่เป็นอิฏฐารมณ์ [ทั้งที่เป็นอติอิฏฐารมณ์ คือ สัมผัสอันน่าปรารถนาอย่างยิ่งก็ดี หรืออิฏฐมัชฌัตตารมณ์ คือ สัมผัสอันน่าปรารถนาระดับปานกลางก็ดี] อันเป็นผลของกุศลกรรมปรากฏเกิดขึ้นทางกายทวารแล้ว กายวิญญาณจิตที่เป็นกุศลวิบากก็จะเกิดขึ้นและมุ่งหน้าต่อโผฏฐัพพารมณ์อันน่าปรารถนานั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพของวิปากจิตนั้น

๔. โผฏฐัพพารัมมะณายะ ก๎ริยามะโนธาตุยา อะปะคะมะปะทัฏฐานัง มีการแผ่ออกไปแห่งกิริยามโนธาตุซึ่งมีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด หมายความว่า เมื่อโผฏฐัพพารมณ์ปรากฏขึ้นทางกายทวารแล้ว ภวังคจิตหวั่นไหวตอบสนองต่อโผฏฐัพพารมณ์นั้นและตัดกระแสภวังค์ขาดแล้ว ปัญจทวาราวัชชนจิต อันได้ชื่อว่า กิริยามโนธาตุ ย่อมเกิดขึ้นเป็นจิตดวงแรกในกายทวารวิถีนั้น ทำการหน่วงเหนี่ยวโผฏฐัพพารมณ์นั้นมาสู่กายทวารวิถี โดยทำการพิจารณาว่าเป็นโผฏฐัพพารมณ์ที่เป็นอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วส่งให้กายวิญญาณจิตรับรู้ต่อไป คือ ถ้าเป็นโผฏฐัพพารมณ์ที่เป็นอิฏฐารมณ์ ก็ส่งให้กายวิญญาณจิตที่เป็นกุศลวิบากรับไป ถ้าเป็นโผฏฐัพพารมณ์ที่เป็นอนิฏฐารมณ์ก็ส่งให้กายวิญญาณจิตที่เป็นอกุศลวิบากรับไป ฉะนั้น กายวิญญาณจิตทั้ง ๒ ดวงนี้ จะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องมีปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้นแผ่ออกรับโผฏฐัพพารมณ์นั้นมาพิจารณาก่อน กายวิญญาณจิตนี้ จึงจะเกิดขึ้นรับรู้โผฏฐัพพารมณ์นั้นต่อไปได้

อนึ่ง กายวิญญาณจิต ๒ ดวงนี้ เป็นอเหตุกจิต เนื่องจากเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ ๖ อย่างใดอย่างหนึ่ง มีโลภเหตุเป็นต้น เกิดร่วมด้วยเลย แต่เกิดขึ้นด้วยอำนาจการประชุมพร้อมกันแห่งปัจจัย ๔ ประการ เรียกว่า อุปัตติเหตุ ได้แก่

๑. กายะปะสาโท มีประสาทกายดี

๒. โผฏฐัพพารัมมะณัง มีโผฏฐัพพารมณ์มาปรากฏเฉพาะหน้า

๓. ถัทธะปะฐะวี มีปฐวีธาตุซึ่งมีลักษณะแข็ง [ที่สามารถกระทบสัมผัส กับกายประสาทได้ชัดเจน]

๔. มะนะสิกาโร มีความสนใจต่อการกระทบ [ปัญจทวาราวัชชนจิต หน่วงเหนี่ยวอารมณ์ คือชักดึงโผฏฐัพพารมณ์มาสู่กายทวาร]

เมื่อสมบูรณ์พร้อมด้วยปัจจัย ๔ ประการนี้แล้ว การรู้โผฏฐัพพารมณ์ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างบริบูรณ์ ถ้าบกพร่องไปด้วยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ประสาทกายไม่ค่อยดี ธาตุดินมีสภาพแข็งน้อยเกินไป การกระทบสัมผัสเบาเกินไป หรือไม่ได้ใส่ใจต่อโผฏฐัพพารมณ์นั้น ดังนี้เป็นต้นแล้ว ประสิทธิภาพของการรู้โผฏฐัพพารมณ์ก็ลดน้อยลงไป ถ้าขาดปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งไป เช่น ประสาทกายเสีย ไม่มีโผฏฐัพพารมณ์ปรากฏ ธาตุดินไม่มีความแข็งเลย [เช่นธาตุดินในอากาศเป็นต้น] หรือไม่ได้ใส่ใจต่อโผฏฐัพพารมณ์นั้นเลยหรือนอนหลับสนิทไม่รู้สึกตัว ดังนี้เป็นต้นแล้ว การรู้โผฏฐัพพารมณ์ก็เกิดขึ้นไม่ได้เลย นี้เรียกว่า อุปัตติเหตุทางกายทวาร ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงสอนให้กำหนดว่า กระทบสัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อนตึง ก็สักแต่ว่าเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน หรือตึงเท่านั้น เพราะขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยเหล่านี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจบังคับบัญชา หรือคำบงการของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครบังคับบัญชาให้รู้โผฏฐัพพารมณ์หรือไม่ให้รู้โผฏฐัพพารมณ์ได้ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรากระทบหรือใครกระทบ เพียงแต่เป็นสภาพของนามธรรมที่ได้เหตุปัจจัยครบแล้วเกิดการรู้กระทบเท่านั้น


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |