ไปยังหน้า : |
รูปาวจรกุศลจิต ๕ ย่อมเกิดได้ใน ๒๒ ภูมิ คือ กามสุคติภูมิ ๗ รูปภูมิ ๑๕ [เว้นอสัญญสัตตภูมิ ๑] ตามสมควร หมายความว่า ติเหตุกปุถุชนและพระเสกขบุคคล ๓ ที่เกิดอยู่ในกามสุคติภูมิ ๗ นั้น สามารถทำรูปฌานกุศลให้เกิดขึ้นได้ทั้ง ๕ อย่าง ส่วนพวกพรหมปุถุชนและพรหมเสกขบุคคล ๓ ที่เกิดอยู่ในรูปภูมิ ๑๕ นั้น พวกพรหมที่อยู่ชั้นต่ำสามารถทำฌานกุศลที่ตนเคยได้มาแล้วในภพชาติก่อนให้เกิดขึ้นใหม่ได้และทำฌานกุศลเบื้องสูงขึ้นไปตามลำดับจนถึงอรูปฌานกุศล ๔ ได้ เช่น พวกพรหมที่อยู่ในปฐมฌานภูมิ ๓ สามารถทำปฐมฌานกุศลให้เกิดขึ้นใหม่ได้และทำฌานกุศลเบื้องสูงให้เกิดขึ้นได้จนถึงอรูปฌานกุศล ๔ ดังนี้เป็นต้น แต่พวกพรหมที่อยู่ในภูมิเบื้องสูงขึ้นไปนั้น จะไม่ทำฌานกุศลชั้นที่ต่ำกว่าฌานที่ตนเองเคยได้มาแล้ว เช่น พวกพรหมที่เกิดอยู่ในทุติยฌานภูมิ ๓ จะไม่ทำปฐมฌานกุศลขึ้นใหม่อีก แต่จะเริ่มทำตั้งแต่ทุติยฌานกุศล [สำหรับผู้ที่เกิดด้วยทุติยฌานวิบาก] หรือตั้งแต่ตติยฌานกุศล [สำหรับผู้ที่เกิดด้วยตติยฌานวิบาก] เป็นต้นไปจนถึงอรูปฌานกุศล ๔ ดังนี้เป็นต้น ฉะนั้น ฌานจิตจึงมีการลดหลั่นกันลงไปตามสมควรแก่พรหมที่อยู่ในภูมินั้น ๆ กล่าวคือ พรหมที่อยู่ในปฐมฌานภูมิ ๓ สามารถทำรูปฌานกุศลได้ทั้ง ๕ พรหมที่อยู่ในทุติยฌานภูมิ ๓ สามารถทำรูปฌานกุศลได้เพียง ๔ [เว้นปฐมฌาน] หรือ ๓ [เว้นปฐมฌานและทุติยฌาน] พรหมที่อยู่ในตติยฌานภูมิ ๓ สามารถทำรูปฌานกุศลได้เพียง ๒ คือ จตุตถฌานกุศล กับ ปัญจมฌานกุศล และพรหมที่อยู่ในจตุตถฌานภูมิ ๖ [เว้น อสัญญสัตตภูมิ] สามารถทำฌานกุศลได้เพียง ๑ คือ ปัญจมฌานกุศล เท่านั้น
รูปาวจรวิปากจิต ๕ ย่อมเกิดได้ในรูปภูมิ ๑๕ [เว้นอสัญญสัตตภูมิ ๑] เฉพาะภูมิชั้นของตน ๆ นั้น หมายความว่า รูปาวจรวิปากจิต ๕ ดวงนี้ ย่อมทำหน้าที่ปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติของพวกรูปพรหม เฉพาะฌานที่ตนเองได้เท่านั้น กล่าวคือ ปฐมฌานวิปากจิต ๑ ย่อมเกิดได้เฉพาะแก่รูปพรหมในปฐมฌานภูมิ ๓ เท่านั้น ทุติยฌานวิปากจิต ๑ และตติยฌานวิปากจิต ๑ ย่อมเกิดได้เฉพาะแก่รูปพรหมในทุติยฌานภูมิ ๓ เท่านั้น จตุตถฌานวิปากจิต ๑ ย่อมเกิดได้เฉพาะแก่รูปพรหมในตติยฌานภูมิ ๓ เท่านั้น และปัญจมฌานวิปากจิต ๑ ย่อมเกิดได้เฉพาะแก่รูปพรหมในจตุตถฌานภูมิ ๖ [เว้นอสัญญสัตตภูมิ] เท่านั้น
รูปาวจรกิริยาจิต ๕ ย่อมเกิดได้ใน ๒๒ ภูมิ เท่ากันกับรูปาวจรกุศลจิต ต่างกันแต่ว่า เกิดได้เฉพาะแก่พระอรหันต์ในภูมินั้นเท่านั้น
ส่วนในอรูปภูมินั้น รูปาวจรจิตย่อมเกิดไม่ได้เลย เพราะไม่มีกรรมฐานอันเป็นอารมณ์ของรูปฌานให้เพ่งภาวนาเลย
ในอสัญญสัตตภูมินั้น ไม่มีจิตและเจตสิกเกิดขึ้นอยู่แล้ว ฉะนั้น รูปาวจรจิต จึงเกิดขึ้นไม่ได้เลย
ในอบายภูมิ ๔ นั้นไม่มีติเหตุกบุคคลเกิด รูปาวจรจิต จึงเกิดไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะรูปาวจรจิตนั้น เกิดได้เฉพาะกับติเหตุกบุคคลเท่านั้น