ไปยังหน้า : |
๑. ยาถาวมานะ การถือตัวตามเหตุที่เป็นจริง มีอยู่จริง ได้แก่ ตนดีกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา ตนเสมอเขาถือตัวว่าเสมอเขา ตนเลวกว่าเขาถือตัวว่าเลวกว่าเขา เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นไปตามสภาพที่เป็นจริง และภาวะของตนที่เป็นไปโดยสมมติก็เป็นเช่นนั้น เช่น เป็นนายก เป็นตำรวจ เป็นทหาร เป็นครูอาจารย์ เป็นต้นแล้วเกิดมานะเย่อหยิงถือตัวขึ้น
๒. อยาถาวมานะ การถือตัวในเหตุที่ไม่เป็นจริง ได้แก่ ตนดีกว่าเขาถือว่า เสมอเขาก็ดี เลวกว่าเขาก็ดี ตนเสมอเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขาก็ดี เลวกว่าเขาก็ดี ตนเลวกว่าเขาถือตัวว่าดีกว่าเขาก็ดี เสมอเขาก็ดี เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการถือตัวที่ไม่เป็นไปตามสภาพที่เป็นจริง คือ ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เพราะฉะนั้น แม้จะมีการถือตัวตามเหตุผลที่เป็นจริงก็ตาม ย่อมถือว่า เป็นมานะเช่นเดียวกัน เพราะหลักสำคัญของมานะ ก็คือ ต้องมีการเปรียบเทียบระหว่างตนเองกับบุคคลอื่นหรือสิ่งอื่นแล้วเกิดความเหย่อหยิ่งยึดถือในความมีตัวตนขึ้น และตั้งตนอยู่ในฝักฝ่ายที่ตรงข้ามกับบุคคลอื่นหรือสิ่งอื่นที่ตนเข้าไปเปรียบเทียบนั้น ความถือตัวทั้ง ๒ อย่างนี้ อาจแยกย่อยได้อีก ๙ ประการ