ไปยังหน้า : |
อหิริกเจตสิกและอโนตตัปปเจตสิกทั้ง ๒ ดวง มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ เป็นสภาวธรรมที่ทำให้สัมปยุตตธรรม คือ จิตและเจตสิกที่เกิดพร้อมกับตน มีสภาพด้านกระด้างและกล้าที่จะกระทำอกุศลกรรมต่าง ๆ แต่เมื่อกล่าวโดยอรรถแล้ว ย่อมมีความหมายแตกต่างกันอยู่บ้าง คือ อหิริกะ หมายถึง สภาวธรรมที่ไม่มีความละอาย หรือไม่รังเกียจต่อบาปธรรม ส่วนอโนตตัปปะ หมายถึง สภาวธรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปและผลของบาปที่จะเกิดขึ้น
ในอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา ท่านพระฎีกาจารย์ได้แสดงการเปรียบเทียบความแตกต่างกันระหว่างอหิริกะและอโนตตัปปะไว้ว่า “บุคคลผู้ไม่มีหิริ ย่อมไม่เกลียดบาป เหมือนสุกรไม่เกลียดคูถ บุคคลผู้ไม่มีโอตตัปปะ ย่อมไม่กลัวบาป เหมือนตั๊กแตนไม่กลัวไฟ [แมลงเม่าไม่กลัวไฟ]” ฉันนั้น
อหิริกะและอโนตตัปปะทั้ง ๒ ชื่อว่า เป็นกำลังในการกระทำทุจริตกรรมทั้งปวง จึงเรียกว่า พลธรรมฝ่ายอกุศล ถ้าอหิริกะและอโนตตัปปะมีกำลังมาก ย่อมเป็นเหตุให้บุคคลกระทำอกุศลกรรมได้โดยไม่ย่อท้อ เปรียบเหมือนบุคคลผู้มีกำลังมาก ย่อมทำกิจการงานได้โดยไม่ย่อท้อและเหน็ดเหนื่อย ฉันนั้น ด้วยเหตุนี้ ในอกุศลจิตทุกดวงจึงมีอหิริกะและอโนตตัปปะประกอบร่วมด้วยทุกดวง จึงเป็นเหตุให้บุคคลประกอบทุจริตกรรมได้สำเร็จ เพราะอาศัยกำลังแห่งอหิริกะและอโนตตัปปะ ซึ่งมีสภาพเป็นพลธรรมนั่นเอง