ไปยังหน้า : |
คณาจารย์ในประเทศไทย มีอาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี อดีตประธานมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์รุ.๑๕๕ เป็นต้น ได้แสดงคุณสมบัติพิเศษของโสตปสาทรูปไว้ดังต่อไปนี้
โสตปสาทรูปมีคุณสมบัติพิเศษโดยเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกันกับปรมัตถธรรมเหล่าอื่น ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ มี ๔ อย่าง ได้แก่ ลักษณะ เป็นต้น จึงเรียกว่า ลักขณาทิจตุกกะ ดังต่อไปนี้
๑. สทฺทาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ มีความใสแห่งมหาภูตรูปอันควรแก่การกระทบกับสัททารมณ์ เป็นลักษณะ
๒. สทฺเทสุ อาวิญฺฉนรโส มีการชักนำมาซึ่งจิตเจตสิกในเสียงทั้งหลาย เป็นกิจ
๓. โสตวิญฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺาโน มีการทรงไว้ซึ่งโสตวิญญาณเป็นผลปรากฏ
๔. โสตุกามตานิทานกมฺมชมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรม อันเป็นเหตุคือมีความประสงค์เพื่อจะฟังเสียงต่าง ๆ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด
คำอธิบายเพิ่มเติมของผู้เขียน :
จากคุณสมบัติพิเศษ ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ หรือลักขณาทิจตุกกะ ที่ท่านแสดงไว้แล้วนั้น ผู้เขียนจักอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจความหมายที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
๑. สทฺทาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ มีความใสแห่งมหาภูตรูปอันควรแก่การกระทบกับสัททารมณ์ เป็นลักษณะ หมายความว่า คุณลักษณะพิเศษที่มีอยู่ประจำของโสตปสาทรูปโดยเฉพาะนั้น ได้แก่ ความใสของมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรมซึ่งสามารถรับกระทบกับสัททารมณ์ได้เท่านั้น เพราะฉะนั้น คำว่า โสตปสาทรูป นี้ จึงไม่ใช่หูทั้งใบ แต่เป็นความใสของก้อนเนื้ออันเกิดจากกรรม ที่เรียกว่า กัมมชกลาป ที่มีสัณฐานคล้ายวงแหวน มีขนสีแดงเส้นละเอียดอ่อนงอกปกคลุมอยู่ทั่วไป ตั้งอยู่ภายในช่องหูส่วนลึกเท่านั้น เป็นวัตถุคือสถานที่อาศัยเกิดของโสตวิญญาณจิต ๒ ดวง และเป็นทวารคือเป็นประตูหรือช่องทางในการรับรู้สัททารมณ์ของโสตทวารวิถีจิต ถ้าในช่องหูส่วนลึกไม่มีโสตปสาทรูปหรือโสตปสาทรูปถูกทำลายเสียแล้ว บุคคลนั้นย่อมไม่สามารถรับรู้สัททารมณ์คือไม่สามารถได้ยินเสียงได้เลย ส่วนรูปที่เป็นส่วนประกอบของใบหูอื่น ๆ นั้น เป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนให้โสตปสาทรูปได้อาศัยเกิดและเป็นไปได้เท่านั้น ไม่มีส่วนในการได้ยินเสียงแต่ประการใด เพราะฉะนั้น แม้บุคคลใดหรือสัตว์ตนใดจะมีใบหูที่สวยงามหรือขี้เหร่น่าเกลียดอย่างไร และมีสัณฐานเล็กหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการได้ยินมีมากหรือน้อยแต่ประการใด เพราะปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการได้ยินมีมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับโสตปสาทรูปที่เกิดจากกรรม ซึ่งมีความใสอันมีคุณสมบัติพิเศษในการรับกระทบกับสัททารมณ์เท่านั้น ถ้าโสตปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดมีประสิทธิภาพมาก ย่อมสามารถได้ยินเสียงได้ชัดเจน แต่ถ้าโสตปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดมีประสิทธิภาพน้อย การได้ยินย่อมไม่ชัด และไม่ได้ยินเสียงที่ไกลหรือเบาด้วย เพราะประสิทธิภาพของโสตปสาทรูปนั้น ก็ได้แก่ ความใสแห่งมหาภูตรูปอันเกิดจากกรรมอันควรแก่การกระทบกับสัททารมณ์เท่านั้น
๒. สทฺเทสุ อาวิญฺฉนรโส มีการชักนำมาซึ่งจิตเจตสิกในเสียงทั้งหลาย เป็นกิจ หมายความว่า โสตปสาทรูปนี้ย่อมมีหน้าที่อันเป็นคุณสมบัติพิเศษ ที่เรียกว่า สัมปัตติรส คือ หน้าที่อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตนในการกระทบกับเสียงต่าง ๆ คล้าย ๆ กับว่า เป็นช่องทางให้สัททารมณ์เข้ามาสู่ช่องหู การกล่าวเช่นนี้ เป็นการกล่าวโดยอุปจารนัยคือนัยโดยอ้อมเท่านั้น เพราะความจริงแล้ว โสตปสาทรูปเป็นรูปธรรมซึ่งมีสภาพเป็นอเหตุกะคือไม่มีเหตุอันทำให้เกิดความหนักแน่น มีสภาพเป็นอจิตตกะคือไม่มีเจตนาในการจัดแจงบงการ และเป็นอนารัมมณะคือเป็นสภาพที่ไม่สามารถรู้อารมณ์ได้ ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น เมื่อมีเหตุปัจจัยครบบริบูรณ์ กล่าวคือ มีโสตปสาทรูปสมบูรณ์ดี มีสัททารมณ์มาปรากฏเฉพาะหน้าในระยะที่สามารถกระทบได้ มีช่องหูที่เสียงสามารถเข้าไปกระทบกับโสตปสาทรูปได้ และบุคคลนั้นมีมนสิการ คือ ความใส่ใจที่จะฟังเสียง เมื่อเหตุปัจจัยครบบริบูรณ์เช่นนี้แล้ว การได้ยินย่อมสำเร็จได้ แต่ถ้าบกพร่องไปอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างแล้ว การได้ยินย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยหน้าที่พิเศษอันเป็นคุณสมบัติของโสตปสาทรูปนี้ ท่านจึงเปรียบเสมือนว่า โสตปสาทรูปนี้คล้าย ๆ กับว่า ดึงดูดหรือชักนำเสียงทั้งหลายให้เข้ามาสู่รูหูดังกล่าวแล้ว อนึ่ง การที่โสตปสาทรูปนี้มีหน้าที่ชักนำมาซึ่งเสียงทั้งหลายนั้น ก็เป็นไปโดยปกติธรรมดาหรือธรรมชาติ ไม่ได้มีการขวนขวายจัดแจงแต่ประการใด กล่าวคือ โสตปสาทรูปก็มิได้รู้ว่าตนเองได้ยินเสียงหรือต้องการได้ยินเสียง และเสียงก็มิได้รู้ว่าตนเองกระทบกับโสตปสาทรูปหรือมีความต้องการกระทบกับโสตปสาทรูปแต่ประการใด เพียงแต่เมื่อเหตุปัจจัยครบบริบูรณ์ดังกล่าวแล้ว สัททารมณ์จึงกระทบกับโสตปสาทรูปได้ และโสตปสาทรูปก็สามารถรับกระทบกับสัททารมณ์ได้ ทำให้เกิดกระบวนการรู้สัททารมณ์โดยโสตทวารวิถีจิตต่อไป เพราะฉะนั้น ความเป็นไปแห่งเหตุปัจจัยระหว่างโสตปสาทรูปกับสัททารมณ์ดังกล่าวมาแล้ว จึงไม่มีบุคคลใดจัดแจงปรุงแต่งให้เป็นไปแต่ประการใด เป็นไปตามเหตุปัจจัยอันเป็นอัพยากตะล้วน ๆ
๓. โสตวิญฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺาโน มีการทรงไว้ซึ่งโสตวิญญาณเป็นผลปรากฏ หมายความว่า โสตปสาทรูปนี้ย่อมมีความเกิดดับเป็นไปตามสภาพแห่งรูปธรรมอันเป็นสังขตธรรม คือ ธรรมที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอยู่เสมอ แต่เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติอันเป็นผลสำเร็จหรือผลที่ประจักษ์ของโสตปสาทรูปนี้แล้ว ไม่ว่าโสตปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดก็ตาม เกิดขึ้นเมื่อไรก็ตาม หรือเกิดขึ้นในภพภูมิใดก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีสภาพที่ทรงไว้หรือรองรับไว้ได้ซึ่งโสตวิญญาณจิต กล่าวคือ สามารถเป็นสถานที่อาศัยเกิดของโสตวิญญาณจิตได้ และเป็นทวารให้โสตทวารวิถีจิตเกิดขึ้นรับรู้สัททารมณ์ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันเป็นผลประจักษ์ที่บัณฑิตผู้มีปัญญาสามารถกำหนดพิจารณารู้ได้
๔. โสตุกามตานิทานกมฺมชมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรม อันเป็นเหตุคือมีความประสงค์เพื่อจะฟังเสียงต่าง ๆ เป็นเหตุใกล้ให้เกิด หมายความว่า โสตปสาทรูปนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีความประชุมพร้อมแห่งมหาภูตรูปทั้ง ๔ [รวมทั้งรูปอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบในกลาปเดียวกันด้วย] ที่เกิดจากกรรมประเภทเดียวกันเป็นฐานรองรับด้วย และมหาภูตรูปทั้งหลาย [รวมทั้งรูปอื่น ๆ ในกลาปเดียวกันนั้น] จะต้องเป็นกัมมชรูปคือรูปที่เกิดจากกรรมที่มีความประสงค์เพื่อจะได้ยินด้วย โสตปสาทรูปนี้จึงจะสามารถเกิดร่วมด้วยได้ อนึ่ง การที่ท่านกล่าวว่า มีมหาภูตรูปที่เกิดแต่กรรมอันมีความประสงค์เพื่อจะได้ยินเสียงต่าง ๆ นั้น เป็นการกล่าวโดยอ้อม เพราะรูปธรรมทั้งหลาย ได้ชื่อว่า อนารัมมณธรรม คือ เป็นสภาพธรรมที่ไม่สามารถรู้อารมณ์ได้เลย แต่ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ มีความมุ่งหมายว่า บรรดารูปธรรมที่เกิดพร้อมกับโสตปสาทรูปนั้น จะต้องเป็นรูปธรรมที่เกิดจากกรรมอย่างเดียวกันทั้งหมด และรูปธรรมเหล่านั้นจะต้องมีความพร้อมในการที่จะรับกระทบกับสัททารมณ์ได้ด้วยนั่นเอง ถ้ารูปธรรมเหล่านั้นไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความพร้อมในการที่จะรับกระทบกับสัททารมณ์แล้ว โสตปสาทรูปย่อมไม่สามารถเกิดร่วมด้วยได้ เช่น รูปธรรมที่อยู่ในอวัยวะอื่น ๆ หรือในสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต เป็นต้น โสตปสาทรูปย่อมไม่สามารถเกิดร่วมกับรูปเหล่านั้นได้เลย เพราะฉะนั้น มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจึงไม่สามารถใช้อวัยวะอื่น ๆ รับรู้สัททารมณ์แทนโสตปสาทรูปได้ และสิ่งไม่มีชีวิตทั้งหลายย่อมไม่สามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ได้เลย เพราะไม่มีโสตปสาทรูปเกิดร่วมด้วย และเพราะเป็นรูปที่ไม่ได้เกิดจากกรรมนั่นเอง จึงสรุปได้ว่า โสตปสาทรูปนี้ย่อมเกิดร่วมเฉพาะกับมหาภูตรูปทั้ง ๔ [ร่วมทั้งรูปอื่น ๆ ในกลาปเดียวกัน] ที่เกิดจากกรรมอันเป็นเหตุแห่งการได้ยินเสียงเท่านั้น