ไปยังหน้า : |
อรหัตตมรรคจิต หมายถึง จิตที่ทำให้บุคคลเข้าถึงความเป็นผู้ควรแก่การสักการบูชาอย่างยิ่งของเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพื่อประหาณภวราคานุสัย มานานุสัยและอวิชชานุสัย หรือ ประหาณโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง ได้แก่ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะและอวิชชา ไม่ให้เหลืออยู่อีกเลยโดยสมุจเฉทปหาน
อรหัตตมรรค มาจากคำว่า อร+หน+ภาว+มรรค
อร แปลว่า ซี่กรรมแห่งสังสารวัฏฏ์
หน แปลว่า ฆ่าทำลาย
ภาว แปลว่า ความเป็น
มรรค แปลว่า หนทาง หรือการประหาณกิเลสเป็นเหตุ [ให้]
เมื่อรวมกันแล้วเป็น อรหัตตมรรค แปลว่า หนทางแห่งบุคคลผู้ถึงสภาพการฆ่าทำลายซี่กรรมแห่งสังสารวัฏฏ์ได้หมดสิ้นแล้ว หรือการประหาณกิเลสเป็นเหตุให้ถึงสภาพการทำลายซี่กรรมแห่งสังสารวัฏฏ์โดยหมดสิ้นแล้ว จึงเป็นผู้ไม่ต้องเกิดในภพใหม่อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงได้ชื่อว่า เป็นพระอรหันต์ แปลว่า ผู้ควรเพื่อการบูชาอย่างสูงสุด คือ เป็นทักขิไณยบุคคลอันเลิศ เป็นเนื้อนาบุญของโลก
อรหัตตมรรคจิต เมื่อเกิดขึ้นย่อมให้สำเร็จกิจ ๓ ประการ คือ
๑. ทำให้บุคคลนั้น ชื่อว่า อรหัตตมรรคบุคคล
๒. อรหัตตมรรคจิต เป็นจิตที่ทำให้บุคคลข้ามพ้นจากโลกทั้ง ๓ คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก โดยเด็ดขาด คือ ไม่ต้องเกิดใหม่ในภพภูมิใดอีกต่อไปแล้ว
๓. อรหัตตมรรคจิต เป็นจิตที่ทำการประหาณอนุสัยกิเลสที่เหลือจากมรรคจิตอื่น ๆ ได้ประหาณไปแล้วทั้งหมดโดยสมุจเฉทปหาน หมายความว่า กิเลสที่อรหัตตมรรคจิตต้องทำการประหาณโดยเด็ดขาดนั้น เมื่อกล่าวโดยจิต ได้แก่ อกุศลจิตที่เหลือ ๕ ดวง คือ ทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต ๔ [ที่เกี่ยวกับรูปราคะ อรูปราคะ] และอุทธัจจสัมปยุตตจิต ๑ เมื่อกล่าวโดยกรรมบถ ได้แก่ อกุศลกรรมบถที่เหลือ ๒ คือ สัมผัปปลาปะและอภิชฌา