| |
คุณสมบัติพิเศษของฆานปสาทรูป   |  

อาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี อดีตประธานมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์รุ.๑๖๓ ได้แสดงคุณลักษณะพิเศษของฆานปสาทรูปไว้ดังต่อไปนี้

ฆานปสาทรูปมีคุณสมบัติพิเศษโดยเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกันกับปรมัตถธรรมเหล่าอื่น ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ มี ๔ อย่าง ได้แก่ ลักษณะ เป็นต้น จึงเรียกว่า ลักขณาทิจตุกกะ ได้แก่

๑. คนฺธาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ มีความใสแห่งมหาภูตรูปอันควรแก่การกระทบกับคันธารมณ์ เป็นลักษณะ

๒. คนฺเธสุ อาวิญฺฉนรโส มีการชักนำมาซึ่งจิตและเจตสิกในกลิ่นทั้งหลาย เป็นกิจ

๓. ฆานวิญฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺาโน มีการรองรับไว้ได้ซึ่งฆานวิญญาณ เป็นผลปรากฏ

๔. ฆายิตุกามตานิทานกมฺมชมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรมอันเป็นเหตุแห่งความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะสูดดมกลิ่น เป็นเหตุใกล้ให้เกิด

คำอธิบายเพิ่มเติมของผู้เขียน :

จากคุณสมบัติพิเศษ ที่เรียกว่า วิเสสลักษณะ หรือ ลักขณาทิจตุกกะ ที่ท่านแสดงไว้แล้วนั้น ผู้เขียนจักอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจความหมายที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นดังต่อไปนี้

๑. คนฺธาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ มีความใสแห่งมหาภูตรูปอันควรแก่การกระทบกับคันธารมณ์ เป็นลักษณะ หมายความว่า คุณลักษณะพิเศษที่มีอยู่ประจำของฆานปสาทรูปโดยเฉพาะนั้น ได้แก่ ความใสของมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรมซึ่งสามารถรับกระทบกับคันธารมณ์คือกลิ่นต่าง ๆ ได้เท่านั้น เพราะฉะนั้น คำว่า ฆานปสาทรูป นี้ จึงไม่ใช่จมูกทั้งหมด แต่เป็นความใสของก้อนเนื้ออันเกิดจากกรรม ที่เรียกว่า กัมมชกลาป ที่มีสัณฐานคล้ายกีบเท้าแพะ ซึ่งตั้งอยู่ภายในช่องจมูกส่วนลึกเท่านั้น เป็นวัตถุคือสถานที่อาศัยเกิดของฆานวิญญาณจิต ๒ ดวงและเจตสิกที่ประกอบ และเป็นทวารคือเป็นประตูหรือช่องทางในการรับรู้คันธารมณ์ของฆานทวารวิถีจิตหรือฆานทวาริกจิต ถ้าในช่องจมูกส่วนลึกไม่มีฆานปสาทรูปหรือฆานปสาทรูปนั้นถูกทำลายเสียแล้ว บุคคลนั้นย่อมไม่สามารถรับรู้คันธารมณ์คือไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้เลย ส่วนรูปที่เป็นส่วนประกอบของจมูกอื่น ๆ นั้น เป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนให้ฆานปสาทรูปได้อาศัยเกิดและเป็นไปได้เท่านั้น ไม่มีส่วนในการรับรู้กลิ่นแต่ประการใด เพราะฉะนั้น แม้บุคคลใดหรือสัตว์ตนใดจะมีรูปร่างสัณฐานจมูกที่สวยสดงดงามหรือขี้เหร่น่าเกลียดอย่างไร และมีสัณฐานเล็กหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม เช่น รูปทรงสัณฐานจมูกของเทวดาและรูปพรหมทั้งหลาย เป็นต้น ซึ่งมีรูปทรงสัณฐานสวยงามเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการได้กลิ่นมีมากหรือน้อยแต่ประการใด เพราะปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ประสิทธิภาพในการได้กลิ่นมีมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับฆานปสาทรูปที่เกิดจากกรรม ซึ่งมีความใสอันมีคุณสมบัติพิเศษในการรับกระทบกับคันธารมณ์คือกลิ่นเท่านั้น ถ้าฆานปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดมีประสิทธิภาพมาก ย่อมสามารถรับรู้กลิ่นได้ชัดเจน แต่ถ้าฆานปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดมีประสิทธิภาพน้อย การรับรู้กลิ่นย่อมไม่ชัด เพราะประสิทธิภาพของฆานปสาทรูปนั้น ก็ได้แก่ ความใสแห่งมหาภูตรูปอันเกิดจากกรรมอันควรแก่การกระทบกับคันธารมณ์คือกลิ่นเท่านั้น อนึ่ง พวกรูปพรหมทั้งหลายแม้จะมีรูปทรงสัณฐานจมูกที่สวยงามก็ตาม แต่ท่านเหล่านั้นไม่มีฆานปสาทรูป เพราะฉะนั้น รูปพรหมทั้งหลายจึงไม่สามารถรับรู้คันธารมณ์คือกลิ่นได้เลยตลอดชาติที่เป็นรูปพรหมอยู่นั้น

๒. คนฺเธสุ อาวิญฺฉนรโส มีการชักนำมาซึ่งจิตและเจตสิกในกลิ่นทั้งหลาย เป็นกิจหมายความว่า ฆานปสาทรูปนี้ย่อมมีหน้าที่อันเป็นคุณสมบัติพิเศษ ที่เรียกว่า สัมปัตติรส คือ หน้าที่อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตนในการรับกระทบกับกลิ่นต่าง ๆ คล้าย ๆ กับว่า เป็นช่องทางให้คันธารมณ์เข้ามาสู่ช่องจมูก การกล่าวเช่นนี้ เป็นการกล่าวโดยอุปจารนัยคือนัยโดยอ้อมเท่านั้น เพราะความจริงแล้ว ฆานปสาทรูปเป็นรูปธรรมซึ่งมีสภาพเป็นอเหตุกะคือไม่มีเหตุอันทำให้เกิดความหนักแน่น มีสภาพเป็นอจิตตกะคือไม่มีเจตนาในการจัดแจงบงการ และเป็นอนารัมมณะคือเป็นสภาพที่ไม่สามารถรู้อารมณ์ได้ การรับรู้กลิ่นย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น กล่าวคือ มีฆานปสาทรูปสมบูรณ์ดี มีคันธารมณ์มากระทบกับฆานปสาทรูป โดยมีลมพัดพาเข้าไป และบุคคลนั้นมีมนสิการคือความใส่ใจที่จะรับรู้ เมื่อเหตุปัจจัยครบบริบูรณ์เช่นนี้แล้ว การได้กลิ่นย่อมสำเร็จได้ แต่ถ้าบกพร่องไปอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างแล้ว การได้กลิ่นย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยหน้าที่พิเศษอันเป็นคุณสมบัติของฆานปสาทรูปนี้ ท่านจึงเปรียบเสมือนว่า ฆานปสาทรูปนี้คล้าย ๆ กับว่า ดึงดูดหรือชักนำกลิ่นทั้งหลายให้เข้ามาสู่รูจมูกดังกล่าวแล้ว อนึ่ง การที่ฆานปสาทรูปนี้มีหน้าที่ชักนำมาซึ่งกลิ่นทั้งหลายนี้ ก็เป็นไปโดยปกติธรรมดาหรือธรรมชาติ ไม่ได้มีการขวนขวายจัดแจงแต่ประการใด กล่าวคือ ฆานปสาทรูปก็มิได้รู้ว่าตนเองรับกลิ่นหรือต้องการได้กลิ่น และกลิ่นก็มิได้รู้ว่าตนเองกระทบกับฆานปสาทรูปหรือมีความต้องการกระทบกับฆานปสาทรูปแต่ประการใด เพียงแต่เมื่อเหตุปัจจัยครบบริบูรณ์ดังกล่าวแล้ว คันธารมณ์จึงกระทบกับฆานปสาทรูปได้ และฆานปสาทรูปก็สามารถรับกระทบกับคันธารมณ์คือกลิ่นได้ ทำให้เกิดกระบวนการรู้คันธารมณ์โดยฆานทวารวิถีจิตต่อไป เพราะฉะนั้น ความเป็นไปแห่งเหตุปัจจัยระหว่างฆานปสาทรูปกับคันธารมณ์ดังกล่าวมาแล้ว จึงไม่มีบุคคลใดจัดแจงปรุงแต่งให้เป็นไปแต่ประการใด เป็นไปตามเหตุปัจจัยอันเป็นอัพยากตะล้วน ๆ

๓. ฆานวิญฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺาโน มีการรองรับไว้ได้ซึ่งฆานวิญญาณ เป็นผลปรากฏ หมายความว่า ฆานปสาทรูปนี้ย่อมมีความเกิดดับเป็นไปตามสภาพแห่งรูปธรรมอันเป็นสังขตธรรม คือ ธรรมที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอยู่เสมอ แต่เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติอันเป็นผลสำเร็จหรือผลที่ประจักษ์ของฆานปสาทรูปนี้แล้ว ไม่ว่าฆานปสาทรูปของบุคคลใดหรือสัตว์ตนใดก็ตาม เกิดขึ้นเมื่อไรก็ตาม หรือเกิดขึ้นในภพภูมิใดก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีสภาพที่ทรงไว้หรือรองรับไว้ได้ซึ่งฆานวิญญาณจิต กล่าวคือ สามารถเป็นสถานที่อาศัยเกิดของฆานวิญญาณจิตได้ และเป็นทวารให้ฆานทวารวิถีจิตเกิดขึ้นรับรู้คันธารมณ์คือกลิ่นได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันเป็นผลประจักษ์ที่บัณฑิตผู้มีปัญญาสามารถกำหนดพิจารณารู้ได้

๔. ฆายิตุกามตานิทานกมฺมชมหาภูตปทฏฺาโน มีมหาภูตรูปที่เกิดจากกรรมอันเป็นเหตุแห่งความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะสูดดมกลิ่น เป็นเหตุใกล้ให้เกิด หมายความว่า ฆานปสาทรูปนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีความประชุมพร้อมแห่งมหาภูตรูปทั้ง ๔ [รวมทั้งรูปอื่น ๆ ที่เป็นส่วนประกอบในกลาปเดียวกันด้วย] ที่เกิดจากกรรมประเภทเดียวกันเป็นฐานรองรับด้วย และมหาภูตรูปทั้งหลาย [รวมทั้งรูปอื่น ๆ ในกลาปเดียวกันนั้น] จะต้องเป็นกัมมชรูปคือรูปที่เกิดจากกรรมที่มีความประสงค์เพื่อจะได้กลิ่นด้วย ฆานปสาทรูปนี้จึงจะสามารถเกิดร่วมด้วยได้ อนึ่ง การที่ท่านกล่าวว่า มีมหาภูตรูปที่เกิดแต่กรรมอันมีความประสงค์เพื่อจะได้กลิ่นต่าง ๆ นั้น เป็นการกล่าวโดยอ้อม เพราะรูปธรรมทั้งหลาย ได้ชื่อว่า อนารัมมณธรรม คือ เป็นสภาพธรรมที่ไม่สามารถรู้อารมณ์ได้เลย แต่ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ มีความมุ่งหมายว่า บรรดารูปธรรมที่เกิดพร้อมกับฆานปสาทรูปนั้น จะต้องเป็นรูปธรรมที่เกิดจากกรรมอย่างเดียวกันทั้งหมด และรูปธรรมเหล่านั้นจะต้องมีความพร้อมในการที่จะรับกระทบกับคันธารมณ์คือกลิ่นได้ด้วยนั่นเอง ถ้ารูปธรรมเหล่านั้นไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความพร้อมในการที่จะรับกระทบกับคันธารมณ์แล้ว ฆานปสาทรูปย่อมไม่สามารถเกิดร่วมด้วยได้ เช่น รูปธรรมที่อยู่ในอวัยวะอื่น ๆ หรือในสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต เป็นต้น ฆานปสาทรูปย่อมไม่สามารถเกิดร่วมกับรูปเหล่านั้นได้เลย เพราะฉะนั้น มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจึงไม่สามารถใช้อวัยวะอื่น ๆ รับรู้คันธารมณ์แทนฆานปสาทรูปได้ และสิ่งไม่มีชีวิตทั้งหลายย่อมไม่สามารถรับรู้กลิ่นต่าง ๆ ได้เลย เพราะไม่มีฆานปสาทรูปเกิดร่วมด้วย และเพราะเป็นรูปที่ไม่ได้เกิดจากกรรมนั่นเอง จึงสรุปได้ว่า ฆานปสาทรูปนี้ย่อมเกิดร่วมเฉพาะกับมหาภูตรูปทั้ง ๔ [ร่วมทั้งรูปอื่น ๆ ในกลาปเดียวกัน] ที่เกิดจากกรรมอันเป็นเหตุแห่งการได้กลิ่นเท่านั้น


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |